ที่พึ่งทางใจ
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556
ริษยา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
คำว่า "ริษยา" เป็นคำที่ใช้ในภาษาไทย ภาษาบาลีใช้คำว่า "อิสสา" คือลักษณะของอิสสาเจตสิก....อิสสาสังโยชน์เป็นไฉน ได้แก่ การริษยา กิริยาที่ริษยา ความริษยา การเกลียดกัน กิริยาที่เกลียดกัน ความเกลียดกันในลาภสักการะ การทำความเคารพ การนับถือ การไหว้ การบูชาของคนอื่นอันใดนี้เรียกว่า อิสสาสังโยชน์
บางท่านอาจจะคิดว่าตนเองไม่เคยริษยาใครเลย แต่ถ้าได้ฟังลักษณะของอิสสาแล้วก็พิจารณาจิตใจของตนเองจริง ๆ พอที่สติจะระลึกได้ว่า ในขณะไหนที่เป็นความริษยา อาจจะไม่รุนแรง แต่เพียงนิดเดียวที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เห็นได้ว่า ขณะนั้นเป็นสภาพของธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นอิสสาเจตสิก ความอิสสาหรือริษยาจะเกิดขึ้นเมื่อมีลาภของคนอื่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด เพราะเหตุว่า ลักษณะของความริษยานั้นเป็นการขึ้งเคียดสมบัติของผู้อื่น ไม่พอใจที่คนอื่นมีสมบัตินั้น ๆ
นี่ก็แสดงให้เห็นถึงอกุศลมีมากมายหลากหลายประเภท มีโลภะ มีความรักตน มีมานะ มีความสำคัญตนมากจนกระทั่งไม่อยากที่จะให้ผู้อื่นดีกว่าตน นั่นก็คือลักษณะของความริษยา ซึ่งจะพิจารณาเห็นได้ว่า ขณะใดที่มีความริษยาเกิดขึ้น ขณะนั้นรู้สึกสบายใจไหม ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ ขณะนั้นเป็นลักษณะของโทสมูลจิต และถ้าขณะนั้นมีสมบัติของคนอื่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด ขณะนั้นก็เป็นลักษณะของอิสสา
อิสสาหรือความริษยา เป็นธรรมที่อันตรายมาก เพราะไม่สามารถแม้จะยินดีกับความสุขของคนอื่นได้ เป็นความรักตน สำคัญตนอย่างยิ่ง ซึ่งทนไม่ได้ต่อสมบัติของคนอื่น
สำหรับอิสสาเจตสิกนี้เป็นอกุศลเจตสิกที่เกิดร่วมกับโทสมูลจิต แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกครั้งที่โทสมูลจิตเกิด จะต้องมีอิสสาเจตสิกเกิดร่วมด้วยเสมอ
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
...........................................
วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556
มนุษย์กับธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย |
ถ้ากล่าวถึงธรรม ก็หมายความถึงสิ่งที่มีจริง ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น นี่คือสิ่งใหม่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฟังธรรม
เพราะว่าเราเคยได้ยินเศษเล็กเศษน้อยของพระธรรม เช่น จริยธรรม หรือศีลธรรมเป็นต้น แต่จริง ๆ แล้ว ก่อนจะเข้าใจพระธรรมได้ว่า ด้วยเหตุใดพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนาน ถึง ๔ อสงไขยแสนกัปที่จะรู้พระธรรม เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษาอยู่ที่ไหน และเดี๋ยวนี้มีไหม คนยุคนี้สามารถได้รับฟังและเข้าใจได้หรือเปล่า นี่เป็นความต่างกันของคนในยุคโน้นกับคนในยุคนี้
ถ้าเคยไปวัดฟังพระธรรม ก็จะรู้ว่า ในอดีตกาลสมัยพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระอรหันต์มากมาย พระอรหันต์คือใคร ก็ไม่ใช่เพียงแต่ได้ยิน และได้ยินอะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าได้ยินแล้วต้องการเข้าใจ ก็ฟังพระธรรมจนกระทั่งสามารถค่อย ๆ เข้าใจคำที่ได้ยินทีละเล็กทีละน้อย เช่น ถ้าถามว่าพระอรหันต์คือใคร พระอรหันต์คือ ผู้ดับกิเลสหมด ไม่มีกิเลสใด ๆ เกิดขึ้นได้เลย
เพราะฉะนั้น พระอรหันต์จึงเป็นผู้ควรเคารพอย่างสูง เพราะว่าการดับกิเลสเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย ถ้ามีความเข้าใจถูกต้องว่า เมื่อเกิดมาทุกคนก็มีกิเลส และอยู่ไปวัน ๆ ทุกวันก็เต็มไปด้วยกิเลส เพราะฉะนั้น ถ้าใครสามารถดับกิเลสได้ ผู้นั้นควรแก่การเคารพอย่างยิ่ง สมัยนี้มีไหมพระอรหันต์ ? แล้วจะรู้ได้อย่างไร ? ใครเป็นพระอรหันต์และใครไม่เป็นพระอรหันต์ ?
ถ้าขาดความรู้ เราก็จะถูกหลอก เพราะเหตุว่า ถ้าใครบอกว่า คนโน้นคนนี้เป็นพระอรหันต์ เราก็อาจจะเชื่อ แต่ตามความเป็นจริง แต้งเป็นความรู้ของเราเอง จึงจะสามารถเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามความเป็นจริง
ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีคำว่า มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เราใช้กันบ่อย ๆ
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ มีใครเป็นที่พึ่ง ? มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ มีพระธรรมที่ทรงแสดงแล้ว ที่ทำให้ทุกคนสามารถหมดจดจากกิเลสได้เป็นที่พึ่ง เพราะถ้าไม่มีพระธรรม ใครก็หมดกิเลสไม่ได้ และก็มีพระสังฆรัตน คือ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ถึงพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ถึงผู้ที่ไม่ใช่อริยะแล้วก็เป็นที่พึ่งได้ แต่ต้องเป็นผู้สามารถเข้าใจธรรม จนสามารถช่วยคนอื่นให้เข้าใจได้ ในฐานะของสาวกด้วย ไม่ใช่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกคนเคยพูดคำนี้ไหม ? ๓ ประโยค พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ แต่ขอเป็นที่พึ่งอย่างไร เพราะเหตุว่า แม้คำว่า "ที่พึ่ง" ก็ไม่รู้ว่า จะพึ่งพระรัตนตรัย พึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไร เพราะว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ไม่มีอีกเลยที่จะไปเฝ้า สักการะหรือจะขอเป็นที่พึ่ง แต่ยังพึ่งได้อยู่ เพราะเหตุว่าเป็นพระบรมศาสดาที่ทรงแสดงพระธรรมให้คนอื่นสามารถรู้สามารถเข้าใจได้
เพราะฉะนั้น การที่จะพึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คือ พระองค์เป็นผู้มีพระปัญญสูงสุดในสากลจักรวาล ไม่มีผู้ใดเปรียบเสมอพระองค์ได้เลย และทรงแสดงพระธรรมให้คนอื่นเข้าใจได้ เพราะฉะนั้น จะพึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าวันนี้ จะพึ่งอย่างไร หรือจะไม่พึ่ง หรือจะเพียงกล่าวว่า "พึ่ง" แต่ไม่รู้ว่าจะพึ่งอย่างไร
เพราะฉะนั้น เพียงแค่คำว่า "ธรรม" จะพึ่งธรรม จะพึ่งอย่างไร กำลังจะพึ่งพระธรรมก็เมื่อได้ฟังและเข้าใจ จึงจะพึ่งได้ ถ้าไม่เข้าใจ ไม่มีหนทางจะพึ่งได้เลย
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์
.....................................................
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)