ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
คำว่า "ริษยา" เป็นคำที่ใช้ในภาษาไทย ภาษาบาลีใช้คำว่า "อิสสา" คือลักษณะของอิสสาเจตสิก....อิสสาสังโยชน์เป็นไฉน ได้แก่ การริษยา กิริยาที่ริษยา ความริษยา การเกลียดกัน กิริยาที่เกลียดกัน ความเกลียดกันในลาภสักการะ การทำความเคารพ การนับถือ การไหว้ การบูชาของคนอื่นอันใดนี้เรียกว่า อิสสาสังโยชน์
บางท่านอาจจะคิดว่าตนเองไม่เคยริษยาใครเลย แต่ถ้าได้ฟังลักษณะของอิสสาแล้วก็พิจารณาจิตใจของตนเองจริง ๆ พอที่สติจะระลึกได้ว่า ในขณะไหนที่เป็นความริษยา อาจจะไม่รุนแรง แต่เพียงนิดเดียวที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เห็นได้ว่า ขณะนั้นเป็นสภาพของธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นอิสสาเจตสิก ความอิสสาหรือริษยาจะเกิดขึ้นเมื่อมีลาภของคนอื่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด เพราะเหตุว่า ลักษณะของความริษยานั้นเป็นการขึ้งเคียดสมบัติของผู้อื่น ไม่พอใจที่คนอื่นมีสมบัตินั้น ๆ
นี่ก็แสดงให้เห็นถึงอกุศลมีมากมายหลากหลายประเภท มีโลภะ มีความรักตน มีมานะ มีความสำคัญตนมากจนกระทั่งไม่อยากที่จะให้ผู้อื่นดีกว่าตน นั่นก็คือลักษณะของความริษยา ซึ่งจะพิจารณาเห็นได้ว่า ขณะใดที่มีความริษยาเกิดขึ้น ขณะนั้นรู้สึกสบายใจไหม ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ ขณะนั้นเป็นลักษณะของโทสมูลจิต และถ้าขณะนั้นมีสมบัติของคนอื่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด ขณะนั้นก็เป็นลักษณะของอิสสา
อิสสาหรือความริษยา เป็นธรรมที่อันตรายมาก เพราะไม่สามารถแม้จะยินดีกับความสุขของคนอื่นได้ เป็นความรักตน สำคัญตนอย่างยิ่ง ซึ่งทนไม่ได้ต่อสมบัติของคนอื่น
สำหรับอิสสาเจตสิกนี้เป็นอกุศลเจตสิกที่เกิดร่วมกับโทสมูลจิต แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกครั้งที่โทสมูลจิตเกิด จะต้องมีอิสสาเจตสิกเกิดร่วมด้วยเสมอ
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
...........................................