ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น |
บางท่านอาจจะยังเข้าใจไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับเรื่อง "ความสงบของจิต" จึงได้พยายามเจริญสมาธิ และเข้าใจว่า จิตจะต้องตั้งมั่น อยู่ที่อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง ขณะนั้นเป็นความสงบ แต่ท่านไม่ได้เปรียบเทียบเลยว่า ลักษณะความสงบของจิตนั้น จะต้องเป็นขณะที่จิตไม่มีความยินดียินร้าย และต้องประกอบด้วยปัญญา ที่รู้ลักษณะสภาพของความสงบ ที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ว่าไม่ใช่สภาพของความติดข้อง ไม่ใช่ความยินดีพอใจในสมาธิ ที่กำลังจดจ้องในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด
บางท่านก็อาจจะเข้าใจว่า จะต้องไปสู่สถานที่ ที่สงบเงียบโดยเฉพาะ แล้วความสงบก็จะได้มั่นคงขึ้น มีแต่ความหวังว่า จะได้ความสงบมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ลืมไปว่า ความสงบนั้นจะเกิดขึ้นได้ ก่อนอื่นจะต้องรู้ลักษณะของความสงบเล็ก ๆ น้อย ๆ ชั่วขณะที่มีในชีวิตประจำวันเสียก่อน เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบ ลักษณะของกุศลธรรม และอกุศลธรรมว่าต่างกันเสียก่อน
ถ้าอกุศลธรรมกำลังเกิดขึ้นขณะนี้ ท่านจะทำอย่างไร........ จะปล่อยไปหรือว่าท่านจะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม ที่กำลังปรากฏขณะนั้นเป็นสติปัฏฐาน....... ในชีวิตประจำวัน เวลาที่เราถูกยุงหรือมดกัด แล้วคิดที่จะฆ่า ขณะนั้นไม่ใช่ความสงบ เพราะฉะนั้น การที่จะเจริญความสงบนั้น ก็จะต้องมีความเข้าใจถูกต้องเสียก่อน....... ถ้าท่านจะเจริญความสงบ ก็ควรระลึกถึงความสงบในชีวิตประจำวันตามปรกติซึ่งจะมีได้ ก่อนที่จะไปถึงความสงบ ที่ประกอบด้วยสมาธิถึงขั้นฌานจิต ซึ่งเป็นความสงบที่มั่นคงมาก เพราะเหตุว่าจิตขณะนั้น ประกอบด้วยความสงบและสมาธิที่มั่นคงจริง ๆ
ในชีวิตประจำวัน ขณะที่ท่านได้ยินได้ฟังเรื่องราว ที่พอใจบ้างหรือไม่พอใจบ้าง แล้วเล่าสู่มิตรสหายฟัง ขณะนั้นท่านมีความสงบหรือไม่ ขอให้คิดถึงสภาพของจิตขณะนั้น...... ถ้าเล่าเรื่องร้าย ขณะนั้นจิต เต็มไปด้วยอกุศล แต่ถ้าเล่าเรื่องที่สนุกสนานเฮฮา ขณะนั้นมีความยินดีพอใจ จิตก็เต็มไปด้วยโลภะ แล้วในขณะนั้นจะมีความสงบไหม.....ถ้าท่านต้องการที่จะเจริญกุศล ไม่เพียงแต่ขั้นทานและ ขั้นศีลเท่านั้น แต่ต้องการจะเจริญขั้นฌานจิตด้วย ก็ควรที่จะได้รู้ลักษณะที่แท้จริงของความสงบ ว่าขณะใดสงบและขณะใดไม่สงบในชีวิตประจำวัน
ถ้าในชีวิตประจำวัน ท่านเพิ่มความสงบขึ้น จนมีหวังที่ว่า เมื่อระลึกถึงสภาพของจิตที่สงบ และระลึกถึงอารมณ์ที่ทำให้จิต เกิดความสงบได้บ่อย ๆ สมาธิที่ประกอบกับจิตนั้นก็จะมั่นคง หยั่งลงลึกและดื่มด่ำในความสงบ ถึงขั้นอุปจารสมาธิและขั้นอัปปนาสมาธิได้ แต่ว่าสมาธิขั้นอุปจารสมาธิและขั้นอัปปนาสมาธิ ต้องต่างกันกับขณะที่เป็นสมาธิขั้นขณิกสมาธิ...... นี่คือในชีวิตประจำวันจริง ๆ ซึ่งท่านสามารถที่จะรู้ได้ แม้ความสงบที่เพิ่มกำลังขึ้น และประกอบด้วยสมาธิขั้นใด ท่านก็จะสามารถรู้ชัดในขณะนั้นตามความเป็นจริงว่า เป็นสมาธิที่ประกอบด้วยความสงบ หรือเป็นความสงบที่เพิ่มกำลังของสมาธิขึ้นแล้วตามความเป็นจริง
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์
................................................