ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิต.....คือสภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว แต่ด้วยเหตุว่ามีอวิชชาปิดบังความเป็นจริง จึงทำให้ไม่สามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดมาแล้วชาติหนึ่ง จะจากโลกไปด้วยความโง่และความติดข้อง หรือว่าจะจากโลกไปพร้อมกับปัญญาเพิ่มขึ้น
ชีวิต.....คือสภาพธรรมที่ไม่เที่ยง ภาษาบาลีว่า "อนิจจัง" หมายถึงสิ่งนั้นต้องเกิดดับ การเกิดดับนี้ไม่เป็นที่ยินดีพอใจ ไม่น่าเพลิดเพลิน แต่เพราะเหตุว่าเรายังไม่ประจักษ์การเกิดดับ จึงติดข้อง ยินดีและเพลิดเพลินกับสิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ แล้วดับไปอย่างรวเร็ว ไม่กลับมาอีกเลย แต่การสืบต่อของมันเร็วมาก จึงทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นมีอยู่ตลอดเวลา
ชีวิต.....สั้นมากเป็นเพียงชีวิตชั่วคราว แต่ละวันตั้งแต่ตื่นขึ้น ก็เต็มไปด้วยการติดข้อง (โลภะ) ในสิ่งต่าง ๆ ทุกสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไหว ตึง และนอกจากนั้นยังติดข้องในความนึกคิดต่าง ๆ อีก....วิชชาเท่านั้นที่จะสามารถรู้ได้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏขณะนี้ ทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ
วิชชา.....คือ ความรู้ กว่าจะถึงวิชชาได้จริง ๆ จนกระทั่งหมดกิเลสนั้น ก็จะต้องเป็นผู้ตรงต่อพระธรรม ต้องรู้ว่าตนมีกิเลสมากมายเหลือล้นและลึกเหนียวแน่นขนาดไหน ถ้าไม่มีการสะสมความเข้าใจถูก ด้วยการฟังธรรม ก็จะไม่มีทางที่จะประหารกิเลสได้เลย
ธรรมะ.....ก็คือชีวิตประจำวันเป็นปรกติธรรมดา มีสภาวะธรรมปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจอยู่ตลอดเวลา แต่เราไม่รู้ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็ดับไป เพราะเหตุว่ายังไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ฉะนั้นเมื่อเกิดมาแล้ว จะจากโลกไปอย่างมืดบอดไปพร้อมกับความโง่ (อวิชชา) หรือจะอบรมเจริยปัญญา เพื่อสะสมความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ก่อนที่จะถึงวันนั้น
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ