ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความดีมีหลายระดับ มีทั้งความดีเพราะได้สะสมมาแต่ชาติก่อน กับความดีเพราะเข้าใจธรรมะ ความดีทั้งสองอย่างนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร ความดีอย่างไหนที่ดีเข้าถึงใจได้ และนำไปสู่ความดีที่สมบูรณ์แบบได้จริง ๆ....จุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา คือเรื่องละตลอด ละอกุศล ละกิเลส สำหรับกิเลสนั้นละยากมาก เพราะว่าหนาแน่นลึกและเหนียวแน่นมาก ต้องละด้วยปัญญาเท่านั้น ปัญญาก็มีหลายระดับ การฟังแล้วเข้าใจ ก็เป็นปัญญาขั้นผิวนอก ๆ เท่านั้น บางท่านฟังแล้วเข้าใจแล้ว ก็เลยยึดเอาส่วนที่ว่าดี คือได้ส่วนที่ดีจากธรรมะ แต่ก็ยังลืมไปว่า ขณะที่ได้ฟังธรรมแล้วเข้าใจ ได้ละความไม่รู้ทีละน้อย ๆ ขณะนั้นไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นเพราะปัญญาเข้าใจ
คนส่วนมากจะดูคนแต่ภายนอก เช่นคนนี้ดี ขยัน ชอบช่วยงานกุศลต่าง ๆ ชอบช่วยงานส่วนรวมเสมอ ดูแค่เพียงพฤติกรรมภายนอก คนก็จะคิดว่าเขาเป็นคนดี แต่ไม่รู้ว่า ดีจริง ๆ นั้นไม่ใช่เพียงกระทำกุศลต่าง ๆ แล้วไม่รู้เรื่องธรรมะเลย.....คนดีจริง ๆ นั้น คือ ดีเกิดจากความเข้าใจธรรมะ คนที่ดีเพราะอุปนิสัยสะสมมา เขาก็จะชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนมีเมตตา มีความประพฤติทางกาย วาจา ใจก็ดี เขาพูดร้ายว่าคนก็ไม่เป็น นั่นก็เพราะว่าเขาได้สะสมมา ได้อบรมมาแต่อดีตชาติ ชาตินี้เขาก็จะได้อบรมศีลธรรม แต่ความดีของเขา ไม่ได้มาจากความเข้าใจธรรมะ..... นี่ก็เป็นจุดที่คนมองไม่เห็น เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจละเอียด ก็จะสามารถอ่านได้ว่า คนนี้ดีแต่ไม่เข้าใจธรรมะ เขาก็เป็นคนดี แต่เขาไม่เข้าใจธรรมะ ส่วนอีกคนหนึ่ง เข้าใจธรรมะแล้วดี เราก็รู้ว่าเขาดี เพราะเขาเข้าใจธรรมะ แต่ก็ต้องแยกกันด้วยว่า การสะสมของเขาเป็นอย่างไร
บางคนสะสมมามากแล้วก็ฟังมาก แต่ความเข้าใจก็ยังไม่มากพอ สิ่งที่เขาสะสมมา ก็จะต้องโผล่ออกมามากกว่า คนก็เลยตัดสินว่า เขาคนนี้ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ แต่ก็ลืมไปว่า เพราะเขากำลังเริ่มเข้าใจธรรมะและกำลังเริ่มขัดเกลา เพราะปัญญาสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างได้ เพราะฉะนั้นถ้าเขามีความเข้าใจขึ้น เราก็จะเห็นเขาเปลี่ยนไปมากเกินกว่าที่จะเป็นไปได้....การเรียนธรรมะ ไม่ใช่เรียนเพื่อให้ได้เงินทองร่ำรวย ได้ชื่อเสียง ลาภยศ สรรเสริญ สิ่งเหล่านี้เอาไปไม่ได้ จริง ๆ แล้ว เรียนธรรมะเพื่อรู้ เพื่อความเข้าใจถูกต้อง แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องปัญญาจะเกิดเมื่อไร ปัญญาเป็นสิ่งประเสริฐสุด นำแต่สิ่งที่ดีมาให้ เพราะเป็นสิ่งที่มาจากใจและเข้าไปถึงใจ แต่ดีอื่นนั้นไม่ถึงใจ และไม่เข้าถึงธรรมะด้วย
ดังนั้นสิ่งที่มีค่ามหาศาล ก็คือ ปัญญา.... ขณะนี้ไม่ต้องฝืนเพราะว่ายังมีความมีตัวตนหนาแน่นอยู่เยอะมาก เพราะฉะนั้นประโยชน์ของเราก็คือ การนำเอาธรรมะมาพิจารณาด้วยความเป็นเราก่อน แล้วต่อไปก็จะรู้เองว่า เราไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะว่าปัญญาทำหน้าที่ของเขาเอง มันก็จะค่อย ๆ คลายที่ละเล็กทีละน้อย แล้วเราก็จะเข้าใจคนมากขึ้น แต่ถ้าไม่ฟังธรรมเลย ใครก็ชมว่าเป็นคนดี แต่ไม่เข้าใจธรรมะเลย แล้วจะเอาความดีมาจากไหน....แต่ถ้าเข้าใจธรรมะด้วย ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ เราก็จะรู้เลยว่า คนนั้นได้เข้าใจธรรมะ และดีขึ้นเพราะธรรมะตามกำลัง แต่ว่าการเข้าใจธรรมะเป็นเรื่องละเอียดมาก เหมือนกับการจับด้ามมีด มันจะค่อย ๆ สึกโดยไม่รู้ตัว ชั่วขณะที่เราฟังธรรม กุศลจิตก็เกิดแล้วและเมื่อประกอบด้วยปัญญา ปัญญาก็เกิดแล้ว แต่ว่าอกุศลมีมากมายมหาศาล จึงเกิดบ่อยกว่ากุศล เพราะฉะนั้นในชีวิตประจำวันเวลาทำกิจการงาน ในขณะเดียวกันก็นึกถึงประโยชน์จากพระธรรม กุศลจิตก็จะเกิดบ่อยขึ้น นี่ก็เรียกว่าเป็นความดีที่สมบูรณ์แบบ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน