ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จะขอกล่าวถึง คำว่า "อายตนะภายนอก" คือ สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดแล้วดับ เช่น สิ่งที่มากระทบตาก็เป็นโลกหนึ่ง เกิดขึ้นแล้วดับไป เสียงที่มากระทบหู เป็นโลกหนึ่งที่เกิดแล้วดับไป ทุกอย่างเป็นโลกหมด
.....ตลอดชีวิตถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็จะไม่รู้เรื่องโลกภายนอกและโลกภายในเลย จะไม่รู้เลยว่า จิตเกิดดับ และจิตเป็นกุศลหรืออกุศล ก็ไม่รู้ไปวัน ๆ หนึ่ง จิตเป็นวิบากก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย
แต่จะรู้ก็ต่อเมื่อได้ศึกษาปริยัติ และได้ฟังเรื่องความจริงของสิ่งที่มีจริง จนกระทั่งมีความเห็นถูกต้อง และมีความเข้าใจถูกต้อง และจะเริ่มเข้าใจประโยชน์ของการฟังธรรม ว่าไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลย แต่เพื่อมีความเห็นถูกความเข้าใจถูก ในความจริงของสิ่งทีก่ำลังปรากฏ ไม่ว่าจะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ ว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีจริง
เรื่องราวทั้งหมด ไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ของโลกภายใน (จิต) เพราะฉะนั้นจะทราบได้ว่า เราอยู่กับโลกภายนอกมานานแสนนาน ปัญญาไม่เกิดจึงไม่สามารถรู้ว่า ทั้งหมดเป็นโลกภายใน ซึ่งเป็นกุศลบ้างและอกุศลบ้าง.... ถ้าไม่มีจิตและเจตสิกโลกภายนอกจะมาจากไหน ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่มีอะไรปรากฏเลย.....ถ้าขณะนี้ไม่รู้เลยว่า โลกภายในเป็นกุศลหรืออกุศล ก็สะสมความไม่รู้ต่อไปเรื่อย ๆ
เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้มีพระภาค ที่พระองค์ทรงแสดงธรรมจริง ๆ ให้ผู้อื่นสามารถเข้าใจได้ โดยที่ต้องทรงบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขยแสนกัป เพื่อที่จะถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หมดสิ้นกิเลสไม่เพียงแต่พระองค์เท่านั้น ถึงแม้ว่าพระองค์จะดับ
ขันธปรินิพพานไปนานแล้ว แต่พระธรรมก็ยังเป็นที่พึ่ง เป็นสรณะให้คนที่มีโอกาสได้ยินได้ฟัง สามารถที่จะเข้าใจถูกต้อง ดังนั้น เราจึงควรที่จะรู้จักพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มิฉะนั้น เราก็จะไม่มีการเข้าใจ "ความจริง" ของสิ่งที่ปรากฏทั้งภายนอกและภายในได้เลย
....................................
ขออนุโมทนาค่ะ