ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น |
พระอริยบุคคลมี ๔ ระดับขั้น แบ่งตามระดับความเบาบางของกิเลสที่ดับ ที่ละด้วยปัญญาตามระดับความแก่กล้าของอินทรีย์ และความสมบูรณ์ของศีล สมาธิและปัญญาแตกต่างกัน
พระโสดาบัน....ละสักกายทิฏฐิ ละวิจิกิจฉา ละสีลัพพตปรามาส พระโสดาบันยังมีความยินดีพอใจในกามอารมณ์อยู่ ยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แต่พระโสดาบันไม่ล่วงศีลห้า
พระสกทาคามี....ทำความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ให้เบาบางลง ยังละกิเลสคือโทสะหรือปฏิฆะยังไม่ได้ พระสกทาคามีมีศีล ๘ เป็นปรกติเสมอในเพศคฤหัสถ์ มีศีลสมบูรณ์ แต่ยังไม่สมบูรณ์ด้วยสมาธิและปัญญา
พระอคานามี....ละกามราคะ และปฏิฆะได้ สมบูรณ์ด้วยศีลและสมาธิ แต่ยังไม่สมบูรณ์ด้วยปัญญา
พระอรหันต์.....ละสังโยชน์ได้ทั้งหมด ละมานะและละอวิชชาได้ทั้งสิ้น หมดกิจในพระพุทธศาสนา
การที่จะทราบได้ว่าบุคคลใดเป็นพระอริยบุคคล ก็จะต้องเข้าใจหนทางปฏิบัติ เพื่อตวามเป็นพระอริยบุคคลเสียก่อน และจะต้องเป็นผู้มีปัญญา ที่เสมอหรือมีปัญญาเหนือกว่าบุคคลนั้น จึงจะสามารถรู้ได้ ต้องมีความเห็นถูกและตรงตามความเป็นจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะดับกิเลสได้
เพราะฉะนั้น จึงต้องมีการฟังธรรม ศึกษาธรรม พิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง แล้วน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน อบรมเจริญสติปัฏฐาน จนกว่าปัญญาจะแก่กล้า สามารถประหารกิเลสตามลำดับขั้น บรรลุมรรคผลเป็นพระอริยบุคคล ก็จะสามารถรู้ได้ด้วยปัญญา ว่าบุคคลใดเป็นพระอริยบุคคล
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์
..................................