ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วัน ๆ คิดตลอดเวลา ไม่อยากคิดก็ต้องคิด ถ้าเข้าใจเรื่องสภาพธรรมจริง ๆ แล้ว ทุกข์จะลดน้อยลงมาก เพราะเหตุว่าไม่มีอะไรเหลือเลย นอกจากขณะปัจจุบัน ขณะนี้ ขณะเดียว ทีละขณะเท่านั้น เพราะฉะนั้น จะมีอะไรที่ทำให้เป็นทุกข์ได้.....ขณะนี้มีใครเป็นทุกข์บ้าง ถ้าจะทุกข์ก็เพราะคิดเท่านั้น แต่ถ้าไม่คิดก็ไม่มีทุกข์ ไม่ว่าใครจะมีทุกข์มากน้อยเพียงใด เราก็ห้ามคิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจความคิด
ถ้าไม่คิดอะไรเลยก็อยู่ในโลกนี้ไม่ได้เลย เพียงมีสิ่งที่ปรากฏทางตา จะรู้ไม่ได้เลยว่าเป็นอะไร ถ้าไม่คิด....ความคิดมีหลายระดับ เรามักจะพูดถึงความคิดเป็นเรื่องเป็นคำ แต่ความจริงแล้วเรื่องคำทั้งหลาย
หรือความหมายทั้งหลาย มาจากความทรงจำในสิ่งที่ปรากฏโดยรูปร่าง สํญฐาน ถ้าเป็นทางตา ถึงแม้ว่าไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้กระทบสัมผัส แต่ก็คิดได้ เพราะความทรงจำ ขณะคิดเป็นจิต ส่วนมากเราจะลืมจิตที่คิด เพราะไปมุ่งถึงจิตที่เห็น จิตที่ได้ยิน จิตที่รู้กลิ่น ฯลฯ หลังจากเห็น หลังจากได้ยิน หลังจากได้กลิ่น จะไม่ให้คิดก็ไม่ได้ เพราะว่าหลังจากเห็นแล้ว ทางใจต้องคิด แม้ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ทางใจก็คิดได้ เพราะมาจากความทรงจำ ความคิดมีหลายอย่าง ทันทีที่เห็น คิดถึงรูปร่างสัณฐาน ยังไม่มีเรื่องราวยังจำได้ว่าเป็นใคร
ขณะทีเห็นมีคิด ขณะที่ได้ยินมีคิด นี่ก็เป็นขั้นหนึ่ง หลังจากเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา หรือหลังจากได้ยินเสียงที่ปรากฏทางหู ถ้าไม่คิดความหมายเลย สิ่งที่ปรากฏก็ดับไป ถ้าถามก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาหรือสิ่งที่ปรากฏทางหูเป็นอะไร เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ทางตาก็เห็นจริง แต่ทางใจปรุงแต่ง คิดสารพัด คิดถูกคิดผิด ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ความคิด นี่ก็เป็นอีกตอนหนึ่ง
นอกจากนั้นยังมีความเห็นถูกหรือความเห็นผิดในสภาพธรรมอีก เพราะฉะนั้น ห้ามคิดไม่ได้ แต่จะต้องเข้าใจว่า ความคิดนั้นไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา นี่เป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าธรรมว่า "ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา" ชีวิตในวันหนึ่ง ๆ จะสุขหรือทุกข์ สำคัญที่สุดคือ "ความคิด" ด้วยเหตุนี้จึงควรมุ่งที่จะเข้าใจเรื่องความคิดเสียก่อนว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นการเตือนให้ระลึกว่า ในขณะคิดเป็น "จิต" แล้วก็ขณะเห็นก็มีคิดต่อไปด้วย ดังนั้นถ้าไม่อยากทุกข์เพราะความคิด ก็ต้องเข้าใจความคิด
ขออนุโมทนาในกุศลจิตกับทุกท่านด้วยค่ะ