ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย |
ปัญญาเป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ไม่ใช่จิต แต่เป็นเจตสิก ตัวปัญญาเป็นความเข้าใจถูก ความเห็นถูก ขณะที่ฟังธรรม แล้วมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ขณะนั้นมีปัญญาและมีสติด้วย แต่ว่าจะเป็นระดับไหน ขณะที่กำลังฟังเข้าใจ ขณะนั้นมีเจตสิกเกิดมากมาย เช่น วิตกเจตสิก วิจารเจตสิก เวทนาเจตสิก สัญญาเจตสิก แต่เราไม่รู้เลย จะรู้ได้ได้ก็เพียงทีละขณะเท่านั้น
เพราะฉะนั้น ขณะที่กำลังเข้าใจจากการฟัง ก็มีการเข้าใจเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟัง แต่เป็นเรื่องราวของสภาพธรรมที่มีจริง ถ้าไม่มีสติก็จะไม่มีการเข้าใจเรื่องราวหรือสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาเลย อาจจะมีบางท่านบอกว่า ฟังแต่ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น จะไม่มีโสภณจิตเกิดร่วมด้วย ขณะใดที่มีความเข้าใจธรรม ขณะนั้นมีปัญญาและสติเจตสิก รวมทั้งโสภณเจตสิกอื่น ๆ เกิดร่วมด้วย
นี่ก็เป็นการศึกษาเพื่อให้เห็นสติและปัญญาขั้นต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ขั้นการฟังสะสมความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย เพื่อเป็นปัจจัยปรุงแต่งจิตให้เกิดปัญญาในขั้นสูงขึ้นไป ส่วนปัญญาขั้นทานนั้นไม่ได้เกิดจากการฟัง แต่เกิดขึ้นเพราะอุปนิสัยที่สะสมมา เป็น "ทานุปนิสัย" โดยที่ไม่ได้ฟังธรรมเลย ไม่เข้าใจเลย แต่การสะสมกุศลจิตฝ่ายดีก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดการให้ หรือการสละออกจากใจที่ติดข้อง ยึดมั่นถือมั่นในรูปธรรมนามธรรม ก็จะเกิดระลึกเป็นไปในการให้ได้เช่นกัน
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์
...................................................